เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 สถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการได้จัดการบรรยายพิเศษภายใต้โครงการ “สถาบันฯ แบ่งปันความรู้” (DVIFA Knowledge Sharing) ในหัวข้อ “เสน่ห์ชุดไทย นุ่งห่มอย่างไรให้งาม” ให้แก่บุคลากรกระทรวงการต่างประเทศที่สนใจ ณ ห้องสันทนาการ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชุดไทยซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติ รวมทั้งให้สามารถแต่งกายชุดไทยให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพและโอกาสสำคัญต่าง ๆ ตลอดจนประยุกต์ใช้ผ้าไทยในการแต่งกายร่วมสมัยให้สอดคล้องกับบริบทสากล โดยมีอาจารย์พีรมณฑ์ ชมธวัช ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งกายชุดไทยเป็นวิทยากร

               ในการบรรยายดังกล่าว วิทยากรได้อธิบายถึงลักษณะการแต่งกายแบบไทยที่เป็นที่นิยมในสมัยโบราณซึ่งแตกต่างกันตามสถานะทางสังคมและตามกาลสมัย ตลอดจนการผสมผสานอย่างกลมกลืนระหว่างการแต่งกายตามขนบธรรมเนียมไทยกับอิทธิพลจากตะวันตกที่เริ่มเข้ามาในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อาทิ การคงรูปแบบการนุ่งโจงกระเบนตามขนบเดิม แต่ปรับเสื้อท่อนบนให้มีความสากลมากขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับบริบททางสังคมและการติดต่อกับนานาประเทศในยุคนั้น

               นอกจากนั้น วิทยากรได้กล่าวถึงความเป็นมาของชุดไทยพระราชนิยมของสตรี ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชดำริให้ฟื้นฟูวัฒนธรรมการแต่งกายชุดไทยขึ้นใหม่ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ชุดไทยพระราชนิยมดังกล่าวแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ได้แก่ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยจักรีชุดไทยดุสิต ชุดไทยศิวาลัย และชุดไทยจักรพรรดิ โดยแต่ละแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านลักษณะของผ้า รูปแบบการตัดเย็บ และระดับความเป็นทางการ พร้อมทั้งแนะนำการเลือกใช้เครื่องประดับให้เหมาะสมกับแต่ละชุดอีกด้วย

               ในช่วงท้ายวิทยากรได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแต่งกายของสุภาพบุรุษ โดยอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างของเสื้อพระราชทานและเสื้อราชปะแตน พร้อมทั้งให้คำแนะนำแนวทางการแต่งกายด้วยผ้าไทยให้ทันสมัย และมั่นใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้สาธิตและเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ฝึกปฏิบัติการนุ่งโจงกระเบนและการนุ่งชายพกซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก